ด้วยขณะนี้พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร
(ฉบับที่ 576) พ.ศ.2557 ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2557 แล้ว โดยพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เป็นการขยายเวลาการใช้อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบ 7 ขั้น ซึ่งได้มีผลใช้บังคับมาแล้วตั้งแต่ปีภาษี 2556-2557 ต่อไปอีก 1 ปีภาษี คือ ในปีภาษี 2558 ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558
กรมสรรพากร ขอชี้แจงเกี่ยวกับการลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาตาม พระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว เพื่อให้เป็นที่เข้าใจทั่วกัน โดยกำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้ ดังนี้
ที่มา เลขที่ข่าว ปชส. 7/2558 http://www.rd.go.th/publish/295.0.html
ตารางอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2557-2558
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ ปีพ.ศ. 2557-2558 | |||||
รายได้สุทธิตั้งแต่(บาท) | อัตราภาษี | ||||
แบบใหม่ (ปี2557-2558) | |||||
0 | ถึง | 150,000 | ยกเว้น | ||
เกิน | 150,000 | " | 300,000 | 5% | |
เกิน | 300,000 | " | 500,000 | 10% | |
เกิน | 500,000 | " | 750,000 | 15% | |
เกิน | 750,000 | " | 1,000,000 | 20% | |
เกิน | 1,000,000 | " | 2,000,000 | 25% | |
เกิน | 2,000,000 | " | 4,000,000 | 30% | |
เกิน 4,000,000 บาทขึ้นไป | 35% |
กำไรสุทธิ | อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ปี 2555 - 2558 | |||||
บัญชีปี 2555 | บัญชีปี 2556 | บัญชีปี 2557 | ||||
1.กรณีนิติบุคคลทั่วไป | ทั้งจำนวน | 23% | 20% | 20% | ||
0 - 150,000 บาท | ยกเว้น | ยกเว้น | ยกเว้น | |||
2. SMEs | 150,001 - 300,000 บาท | 15% | ยกเว้น | ยกเว้น | ||
(มีทุนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท) | 300,001 - 1,000,000 บาท | 15% | 15% | 15% | ||
เกิน 1,000,001 บาทขึ้นไป | 23% | 20% | 20% | |||
หากมีรายได้เกิน 30 ล้านบาท ในปีใดปีหนึ่งจะเสียสิทธิ์นับตั่งแต่ปีนั้นเป็นต้นไป | ||||||
3.จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ | ทั้งจำนวน | 23% | 20% | 20% |
การนำเบี้ยประกันภัยหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
คุณรู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันค่าเบี้ยประกันภัยที่กรมสรรพากรยินยอมให้ผู้มีเงินได้นำมาหักลด หย่อนภาษีเงินได้บุคคล
ธรรมดา มี 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่
ธรรมดา มี 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่
1.ค่าเบี้ยประกันชีวิตของตัวผู้มีเงินได้เอง โดยนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000บาท มีเงื่อนไขดังนี้
- ค่าเบี้ยประกันชีวิต ไม่รวมค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ
- เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- กรณีเป็นกรมธรรม์ประกันชิวิตที่มีผลประโยชน์ตอบแทนคืน ผลประโยชน์ตอบแทนคืนนั้นจะต้องไม่เกินร้อย
ละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตรายปีหรือเบี้ยประกันชีวิตสะสม
- บริษัทประกันชีวิตที่ออกกรมธรรม์ต้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในประเทศไทย
- เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- กรณีเป็นกรมธรรม์ประกันชิวิตที่มีผลประโยชน์ตอบแทนคืน ผลประโยชน์ตอบแทนคืนนั้นจะต้องไม่เกินร้อย
ละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตรายปีหรือเบี้ยประกันชีวิตสะสม
- บริษัทประกันชีวิตที่ออกกรมธรรม์ต้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในประเทศไทย
2. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา โดยนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000บาท มีเงื่อนไขดังนี้
- ผู้มีเงินได้ต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา มารดา
- บิดา มารดา มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท
- ถ้าผู้มีเงินได้ มิได้อยู่ในประเทศไทย บิดา มารดาต้องอยู่ในประเทศไทย
- กรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมชำระเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา ให้เฉลี่ยหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกัน
สุขภาพของบิดา มารดาตามจำนวนผู้มีเงินได้ แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท
- ผู้มีเงินได้ต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา มารดา
- บิดา มารดา มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท
- ถ้าผู้มีเงินได้ มิได้อยู่ในประเทศไทย บิดา มารดาต้องอยู่ในประเทศไทย
- กรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมชำระเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดา ให้เฉลี่ยหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกัน
สุขภาพของบิดา มารดาตามจำนวนผู้มีเงินได้ แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท
3. ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญของตัวผู้มีเงินได้เอง โดยนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15ของเงินได้ และต้องไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หรือค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท มีเงื่อนไขดังนี้
- เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- ผู้มีเงินได้ต้องได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น
ทั้งนี้ ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยครบถ้วยแล้วก่อนได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญ
- ผู้มีเงินได้ได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอขณะมีชีวิตอยู่
- บริษัทประกันชีวิตที่ออกกรมธรรม์ต้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในประเทศไทย
- เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- ผู้มีเงินได้ต้องได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น
ทั้งนี้ ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยครบถ้วยแล้วก่อนได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญ
- ผู้มีเงินได้ได้รับผลประโยชน์เงินบำนาญเป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอขณะมีชีวิตอยู่
- บริษัทประกันชีวิตที่ออกกรมธรรม์ต้องเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในประเทศไทย
ที่มา : ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 162 , 172 และ 194