วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

10 ขนมหวานชื่อดัง

ข้าวเหนียวมะม่วง
        ขนมหวานแบบไทยๆ ที่นำมะม่วงสุกเหลืองอร่ามมาทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดด้วยน้ำกะทิ ฟังแล้วชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวสยามและชาวต่างชาติ ทั้งยังสามารถหาลิ้มลองได้ทั้งที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และร้านอาหารตามท้องถนนทั่วไป
แครมบรูเล่ ( Creme Brulee)
        แม้ชื่อจะฟังแล้วฝรั่งเศสสุดๆ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ ได้อ้างว่าพวกเขาคือต้นตำรับผู้คิดค้นขนมสูตรเด็ดนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ แต่เชื่อแน่ว่าคงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้ได้เท่ากับใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีส
นาไนโม บาร์ ( Nanaimo Bars)
        แคนาดาขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน? ได้ยินแล้วไม่ต่างกับการพูดว่ากรุงเทพขึ้นชื่อเรื่องทะเลยังไงยังงั้น แต่กระนั้น ขนมรสเลิศดังกล่าวก็มีที่มาจากเกาะแวนคูเวอร์ในเมืองนาไนโม รัฐบริติชโคลัมเบีย โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือแม่บ้านท้องถิ่น ซึ่งได้ส่งเจ้าขนมทรงจัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสาร และคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบันขนมชนิดนี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือ
แอปเปิ้ล พาย ( Apple Pie )
       แม้ชื่อจะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดี ได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 สมัยก่อนตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิลมาปลูกด้วย จึงทำให้มันมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของชาวมะกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นที่โรงแรมในลอนดอนหรือภัตตาคารในแอลเอ แอปเปิลพายก็เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาลูกค้าเหมือนกัน
แบล็คฟอเรสท์เค้ก ( BlackForestCake )
        ด้วยความมีชื่อเสียงในเรื่องเบียร์ และเค้กรสชาติอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เยอรมนีจะกลายเป็นสถานที่ดื่ม-กินยอดนิยม โดยเค้กช็อกโกแลตที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1900 ทางตอนใต้ของเยอรมนี (ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุงเบอร์ลิน) และทุกวันนี้เป็นทื่ชื่นชอบของคนทั่วโลก 
ฮาโล ฮาโล ( Halo Halo)
        ของหวานจานเด็ดของชาวฟิลิปปินส์ ฮาโล ฮาโล ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน แต่ดูๆ ไปก็คล้ายกับน้ำแข็งใสของบ้านเรา โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน มะพร้าวอ่อน ไอศกรีม วุ้นมะพร้าว สับปะรด และอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวานและน้ำเชื่อม โดยสามารถหารับประทานได้ทุกที่ในกรุงมะนิลา
กุหลับ จามาน ( Gulab Jamun)
        ก้อนขนมปังหวานที่ไม่ค่อยไม่ถูกปากฝรั่ง (รวมถึงคนที่ไม่ชอบของหวานจัดๆ ด้วย) แต่คอนเฟิร์มว่าอยู่ในรายชื่อขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย และเมื่อมีคนกว่าพันล้านคนชื่นชอบ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่อร่อย ปกติแล้วมักทำจากนม และราดด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น เป็นที่นิยมในอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และประเทศในแถบเอเชียใต้
ไดฟุกุ ( Daifuku )
        ขนมเจลาตินทรงกลมจากแดนอาทิตย์อุทัย สอดไส้ไว้ด้วยถั่วแดงหวาน โรยแป้งบางๆ เพื่อให้ให้ติดกัน สามารถหาซื้อไดฟุกุอร่อยๆ ได้ง่ายทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น
บาคลาวา ( Baklava)
        ประวัติที่แท้จริงของ บาคลาวา ยากที่จะระบุให้แน่ชัด เพราะว่ากันว่ามันมีต้นกำเนิดจากทั้งจักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ ขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจากการนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ไว้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม หากต้องการลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับก็ต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่าเป็นจุดกำเนิดทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ กรุงอิสตันบูล กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรุต แม้แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีได้ถึงความอร่อย
ทีรามิสุ ( Tiramisu )
        เค้กชื่อดังของอิตาลี (แต่ชื่อคล้ายญี่ปุ่น) ทำขึ้นจากคุกกี้เลดี้ฟิงเกอร์ ราดกาแฟเอสเปรสโซ่ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีสและซาบากลิออเน ลือกันว่าทีรามิสุมีจุดกำเนิดมาจากการที่แม่บ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่สองทำเค้กให้สามีรับประทาน เพราะเชื่อว่าส่วนผสมของคาเฟอีนกับน้ำตาลจะช่วยให้พวกเขามีพลัง และแคล้วคลาดจากอันตราย ช่างโรแมนติกเสียนี่กะไร เหมาะจะเป็นของหวานรับวันวาเลนไทน์เหมือนกันนะเนี่ย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น